เคยเห็น สูตรทำโยเกิร์ตชีส และโยเกิร์ตพาย (ขนมแบบชีสเค้ก) และอยากทำมานานแล้ว แต่ิเพิ่งจะได้ฤกษ์ แล้วก็เพิ่งไปพบว่าสูตรนี้แหละมันก็คือวิธีทำแบบเดียวกับ การทำกรีกโยเกิร์ตที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ก็เลยยิ่งดีใหญ่เลย ว่าแต่ว่า กรีกโยเกิร์ตนี่คืออะไร อยากรู้จัง เลยไปหาข้อมูลดู แล้วก็เลยเอามาฝากด้วยค่ะ ไปเจอข้อมูลจากเวปนี้ิbloggang.com/Phoebe Buffay ละเอียดดี เลยขอลอกมาซะเลยนะคะ ที นี้เรามาดูกันดีกว่าว่าการทำกรีกโยเกิร์ตต่างจากโยเกิร์ต ธรรมดายังไง ... จริงๆ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากโยเกิร์ตธรรมดาอะไรมากมาย เพียงแต่ว่ากรีกโยเกิร์ตเค้าจะเอามากกรองเอาน้ำออกก่อนจนเนื้อโยเกิร์ตออก แนวกึ่งชีส กึ่งโยเกิร์ต ไม่เป็นเจลๆ ลิ่มๆ น้ำโหลงเหลง (คนที่เคยกินแต่พวกโยเกิร์ตที่ใส่แป้งใส่ thickener คงไม่ทราบ) ซึ่งทำให้กรีกโยเกิร์ตทั้งเนียน ทั้งข้น อร่อยมาก ในขณะที่ไขมันต่ำ และน้ำตาลก็ยังต่ำอีกด้วย (เพราะถูกกรองทิ้งไป) ทีนี้เรามาเปรียบเทียบกันระหว่าง กรีก กับแบบไม่กรีก ว่า อันไหนดีกว่า แบบไหน ยังไง (ในปริมาณ serving ที่เท่ากัน) Protein กรี กโยเกิร์ตให้โปรตีนสูงกว่าแบบธรรมดาเกือบเท่าตัว (เพราะว่าเข้มข้นกว่า) ทำให้กินแล้วอิ่มเร็วกว่า แน่นท้องมากกว่า ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก และควบคุมอาหารเป็นอย่างมาก (พวกโยเกิร์ตขนมหวานนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะ ทั้งแป้ง ทั้งน้ำตาล ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก และควบคุมอาหาร)...
มีปัญหามั้ยว่า โยเกิร์ตที่ซื้อตามร้านนั้นมันหวานซะเหลือเกิน แล้วก็กระปุกเล็ก ทานประจำก็สร้างขยะเยอะเหลือเกิน อย่ากระนั้นเลย เรามาทำโยเกิร์ตทานเองที่บ้านดีกว่านะคะ ส่วนผสม นมจืด 1/2 แกลลอน (ถ้าเมืองไทยคงเป็นลิตร ก็ประมาณ 2 ลิตร) -- สามารถใช้แบบพร่องหรือไม่พร่องไขมันก็ได้ตามชอบ โยเกิร์ตรสจืดธรรมดา 1 ถ้วย (8 ออนซ์) หาแบบที่มีเชื้อแอคทีฟอยู่ไว้ใช้เป็นหัวเชื้อ อย่าเอาที่มีรสหวาน ส่วนตัวเองหาไม่ได้เลยใช้กรีกโยเกิร์ตทำ อันนี้ต้องซื้อใช้แค่ครั้งแรก ครั้งต่อๆ ไปก็เก็บที่เราทำไว้เป็นหัวเชื้อต่อไปนะคะ วิธีทำ 1. นำนมใส่หม้อก้นหนาๆ (เพื่อไม่ให้นมไหม้ติดก้นหม้อ) ตั้งไฟแรงปานกลาง คอยระวัง และคนเป็นระยะๆ พอนมเิริ่มเดือดเป็นฟองนิดๆ (ถ้ามีเทอร์โมมิเตอร์ทำขนมลองวัดดู อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 85-90 องศาเซลเซียส / 185-195 องศาฟาเรนไฮท์) ยกลง 2. เอาหม้อนมลงแช่ในหม้ออีกใบที่ใส่น้ำเย็นไว้ จะได้ช่วยให้นมอุ่นเร็วขึ้น 3. ขณะที่รอให้นมอุ่น เอาโยเกิร์ตออกมาจากตู้เย็น ตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง ให้เชื้อในโยเกิร์ตปรับตัว หรือจะนำไปวางบนฝาหม้อให้พออุ่นๆก็ได้ 4. ขณะเดียวกันก็นำขวดและฝาขวดที่จะใส่โยเกิร์ตไปฆ่าเชื้อโดยการต้มในน้ำเดือดประมาณ 10 นาที 5. กลับไปเช็คนม พอนมอุ่นพอใช้นิ้วแตะได้ไม่ร้อน (หรือที่ประมาณอุณหภูิมิ 48 องศาซี...